tag:blogger.com,1999:blog-24617420.post576997527597870272..comments2023-05-16T11:52:51.788+03:00Comments on Left Open: การเมืองหลังประชามติ อย่าให้กลายเป็นประชายุติKriangsakhttp://www.blogger.com/profile/06294128657262063245noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-24617420.post-32080639859450982192007-09-02T02:24:00.000+03:002007-09-02T02:24:00.000+03:00เวลานี้บรรยากาศการเมืองสดชื่นไปด้วยเงินตราเดินสะพั...เวลานี้บรรยากาศการเมืองสดชื่นไปด้วยเงินตราเดินสะพัด อีกทั้งพรรคหน้าใหม่ก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ประหนึ่งฤดูใบไม้ผลิทางการเมือง<BR/><BR/>เสียดาย... ที่ประปนไปด้วยเห็ดเน่า เห็ดพิษที่มีชื่อแปลกๆ .. พรรคแทนคุณแผ่นดินอีสานเพื่อ... เก๋มาก ยาวจนจำเกือบไม่ได้ เห็นเขาว่า มีเบื้องหลังเบื้องลึก...คนกลุ่มเก่าๆ ที่เขาเพิ่งโละฐาน แล้วก็สร้างฐานใหม่ (Rebrand อันนี้หรือเปล่าเอ่ย)<BR/><BR/>รัฐเขาบอกว่าจะเริ่มให้ความรู้กับประชาชนเพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวทางการเมือง การเลือกตั้ง--เอาป้ายไปติดนะ คนนี้ชื่อไร จบอะไร นโยบายสวยหรูดูดี ทำได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน ให้เข้าไปได้ก่อน--ตรวจสอบยังไง เขาหลอกป่ะ?<BR/><BR/>จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คงจะเกิดคำถามว่าการเมือง"ให้"อะไรก่อน (คงต้องมีคำตอบมาว่าก็แล้วคุณ "ให้" อะไรกับการเมือง..คงยาว) อะไรจะดีขึ้นหากคนหันมาสนใจ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยน ปฏิรูป ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ทำให้การเมือง "ต่าง" ออกไป ถึงกับมีคนกล่าวมาให้ได้ยินว่า รธน.เองก็เถอะ มีคนที่เขียน แก้อยู่ในวงแคบๆแค่ไม่กี่คนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี (จริงเท็จแค่ไหนไม่ทราบ หากมีใครขยายให้ทราบก็คงดี)<BR/><BR/>คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้นมั้ย ดีอย่างไร ในวงแคบหรือวงกว่้าง หากว่าไม่ก่อให้เกิดอย่างชัดเจน ณ ขณะนี้ ที่บรรยากาศทางด้านอื่นยังคงสภาพก้ำกึ่งระหว่างดีพอใช้กับพอทน การกดดันที่จะเกิดก็ไม่ง่ายเพราะมันยัง "ทน" ได้nokahttps://www.blogger.com/profile/07593077730908342955noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-24617420.post-81127628317296953822007-08-28T16:04:00.000+03:002007-08-28T16:04:00.000+03:00ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นและข้อสงเกตบางประการครับออก...ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นและข้อสงเกตบางประการครับ<BR/><BR/>ออกตัวก่อนว่า หากครั้งนี้ผมมีสิทธิออกเสียงลงประชามติ ผมก็จะลงมติรับรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ว่าเพราะผมเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีประโยชน์หรือดีกว่าฉบับที่ผ่านมาหรือว่าเห็นด้วยกับการรัฐประหารแต่ประการใด แต่เพราะว่าการลงประชามติครั้งที่ผ่านมา โดยความเป็นจริงได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นการลงประชามติเพื่อเลือกระหว่างระบบอบทักษิณฯ กับไม่เอาระบอบทักษิณ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากผมมีสิทธิลงประชามติฯ ผมก็จะกัดลิ้นให้ผ่านไป<BR/><BR/>ตอนนี้ก็ยังอ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่จบเลยครับ ถ้าเอาแค่ว่าเนื้อหาดีไม่ดี ตอนนี้ก็ยังตอบได้ไม่หมดเลยว่าดุลยภาพของสังคมจะเป็นอย่างไรจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เชื่อว่าประเด็นเนื้อหานี้คงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันต่อ ๆ ไปครับ<BR/><BR/>พูดเรื่องรัฐธรรมนูญและการจัดองค์กรทางการเมืองทีไรก็อยากสนองความใคร่ทางวิชาการเรื่อยเลยครับ เสียดายที่ไม่ค่อยได้อ่านหรือศึกษาในด้านนี้ <BR/><BR/>ประเด็นหลักที่อยากแสดงความคิดเห็นคือ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากระทู้ของเกี๊ยงที่นำเสนอมาผมตั้งขอสังเกต (ที่ผมเองก็ไม่มีคำตอบ ดังนี้ครับ<BR/><BR/>Political Ignorance <BR/>ผมเห็นว่าบ้านเรามีปัญหาเรื่อง Political Ignorance ซึ่งเชื่อว่าเกี๊ยงเองก็คงจะเห็นด้วย การเฉยเมยของประชาชนต่อการเมืองน่าจะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อคุณภาพของรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญที่มีประสิทธิภาพน่าจะได้มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในวงกว้าง) ดังนั้นเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมมาก ๆ เพื่อให้ได้ collective decision ที่แท้จริง แต่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างไรครับ คงไม่ใช่แค่การรณรงค์ผ่านสื่ออย่างแน่นอน เพราะนั่นคงเป็นเพียงแค่การแพร่กระจายของข่าวสารอย่างไรประสิทธิภาพ(manipulated information)<BR/><BR/>อีกประการหนึ่งการที่คนเพิกเฉยต่อการเมืองผมมองว่าไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาไม่ดีหรืออะไร ถ้าใช้ศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ ก็จะเรียกได้ว่า Rational ignorance หรือเกิดจากสภาพปัญหาแบบ rational irrationality ประมาณนั้น <BR/><BR/>Level of Information<BR/>ระดับของข้อมูลข่าวสารหรือองค์ความรู้แค่ไหนถึงจะเพียงพอต่อการมีส่วนร่วมในทางการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แค่ปัญหาเรื่อง Collective action กับ free-rider ในการแสวงหาองค์ความรู้ก็ยากเต็มทีที่จะแก้ไข (ผมมองว่าประชาชนกลุ่มนี้ rational นะครับที่จะ free-ride โดยไม่แสวงหาองค์ความรู้)<BR/><BR/>ผมเชื่อว่าเกี๊ยงคงเห็นด้วย (ถ้าไม่ใช่ ก็ต้องมาแก้สมติฐานกันหใหม่นะครับ) ว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้นไม่ใช่อาศัยแค่คนจำนวนมากเป็นพอ แต่ต้องเป็นจำนวนที่มีคุณภาพด้วย ไม่งั้นคงไม่มีปัญหาพวกมากลากไปให้ปวดหัว<BR/><BR/>เนื่องจากองค์ความรู้มันมีราคาของมันในการได้มา ปัญหาที่ผมอยากตั้งข้อสังเกตคือเกี๊ยงเห็นว่าองค์ความรู้ระดับใดจึงจะเพียงพอ เพราะระดับองค์ความรู้จะเป็นตัวคัดผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมหรือมีบทบาทในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือพัฒนาระบบการเมือง<BR/><BR/>1. Deliberative voters (i) ที่มีความรู้ความเข้าใจในระดับที่ดีมาก ๆ ซึ่งผมเชื่อว่าหายากเต็มที (ผมเชื่อว่าเกี๊ยงก็จัดอยู่ในประเภทนี้) ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะสั่งสมความรู้ความเข้าใจมาได้ระดับนี้ <BR/><BR/>2. Minimalistic Schumpeterian (ii) ที่ประชาชนมีความรู้ในระดับไม่ต้องมาก แต่อาศัยการกลไกของ Repeat game เช่น ไม่เลือก ในคราวหน้า แต่กลไกของเมืองไทยผมว่ารูปแบบนี้ไม่ได้ผล เพราะมัน re-brand กันบ่อยและง่าย<BR/><BR/>3. Burkean trusteeship (iii) ที่น่าจะเข้ากับสภาพปัจจุบันของสภาพส่วนใหญ่ของสังคมไทยที่ประชาชนเลือกคนที่คิดว่าดีกว่าตนเอง มีความสามารถมากกว่าตนเอง แล้วปล่อยให้ผู้แทนไปกำหนดนโยบายหรือเลือกรูปแบบเอาเอง <BR/><BR/>มันคงยังมีแบบอื่นอีกหลายแบบ หลายแนวคิด แล้วมันก็คงมีบริบทที่เหมาะสมกับสภาพบ้านเมืองของเรา แต่ความรู้และความสามารถผมมีจำกัด เท่าที่พอหาอ่านได้ ถ้าเอาจุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการคิด ผมก็ว่ายากเต็มทีที่จะหาจุดสมดุลของประเทศ<BR/><BR/>Shortcuts<BR/>ถ้าสามารถมีอะไรที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงองค์ความรู้ได้ดีมากขึ้น เช่น สื่อสารมวลชน องค์กรทางวิชาการ มหาวิทยาลัย ครูบาอาจารย์ ใครที่มาทำการศึกษาเปรียบเทียบให้เห็น ทั้งบทเรียนจากอดีตหรือผลที่จะเกิดจากนโยบายปัจจุบัน ก็คงเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาคือส่วนใหญ่มี Asymmetric information ทั้งนั้น ผมไม่ได้บอกว่ามีไม่ได้ แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าเขามี ทั้งเรื่องความลึกซึ้ง ความจัดเจนในการวิเคราะห์อีก ฯลฯ <BR/><BR/>สรุปจริง ๆ คือ อาจจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ได้ แต่ก็โดยการดำเนินการจริงๆ โดยคนกลุ่มเล็ก ๆ ประกอบด้วยการรับฟังความคิดเห็นในวงกว้างและประชาชนมีส่วนร่วมและตื่นตัวบนพื้นฐาน กรอบและเนื้อหาที่ทำให้เชื่อว่าดี (สินค้าลงขาย) เชื่อว่าลักษณะนี้ก็คงเป็นอีกด้านหนึ่งของปลายทางที่เกี๊ยงก็คงไม่อยากเห็นเหมือนกัน<BR/><BR/>สุดท้ายผมเองก็ไม่มีคำตอบว่าจะแก้ปัญหาเรื่อง Political ignorance / rational irrationality ยังไง เพียงแต่อยากตั้งเป็นข้อสังเกตเท่านั้นครับ <BR/><BR/>เข้าเรื่องบ้าง นอกเรื่องบ้างก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เนื่องจากช่วงนี้ถูกอวิชชา ประเภทความไม่อยากมีไม่อยากเป็นเข้าครอบงำ <BR/><BR/>(i) Amy Gutmann, Dennis Thompson (2002) Deliberative Democracy Beyond Process Journal of Political Philosophy 10 (2), 153–174<BR/><BR/>(ii) Joseph Schumpeter, Capitalism, socialism and democracy , Repr.. - London [u.a.] : Routledge, 1992<BR/><BR/>(iii)http://en.wikipedia.org/wiki/Edmund_BurkeAnonymousnoreply@blogger.com