Breaking (up) News
ในสังคมที่มีพลวัตรสูงถึงสูงมากอย่างสังคมไทย ซึ่งถือว่ามีการเปิดรับของดี-ของเสียจากทุกทิศทุกทาง รวมทั้งมีกิจกรรมการหมุนเวียนของอนุมูลอิสระและไม่อิสระแบบ 24/7 นั้น เราต้องอัพเดทข้อมูลข่าวสารกันตลอดเวลา
เพราะสื่อไทยสนใจทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้
บ่อยครั้ง เราจึงตกตะลึงกับความร่ำรวยข่าวสารจากต่างประเทศของสื่อไทย ที่ทำให้คนไทยรู้กระทั่งข่าวบางข่าวที่แม้เราคนไทยที่อยู่ในประเทศนั้นๆ เองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
และเป็นเรื่องน่าทึ่งอีกที่คนไทย รู้ทิศทางความผันผวนของดัชนีนิกเคอิและดาวน์โจนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา รู้ว่าลิเวอร์พูลอยู่ที่อันดับไหนของตาราง รวมทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฉนวนกาซาและอิรัก แต่ไม่ยักรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศตัวเอง !
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเราเองก็มีแค่สองตากับสองหูที่ไม่สามารถทำงานแยกกันได้ แถมยังต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อเตรียมตัวไปหลับบนรถเมล์เพราะที่ทำงานอยู่ไกล แล้วไหนจะต้องติดบนรถขากลับอีกสองชั่วโมง เอาเวลาที่เหลือไปดูข่าวสำคัญอย่างข่าวในพระราชสำนักและข่าวบันเทิงก็หมดแล้ว น่าเห็นใจ..
อย่างว่า ดาราคู่ไหนเตียงหัก นางเอกคนไหนคลอดลูกก่อนกำหนด (ถึงจะอุตส่าห์ปลอมตัวไปคลอดในถิ่นทุรกันดารไกลผู้คนแล้ว) ไฮโซคนไหนแอบไปควงกับใครหรือออกวีซีดีลับใหม่เมื่อไหร่ แม้กระทั่ง เมียน้อยใครมีภาพหลุดที่ไหน คนไทยไม่เคยพลาด เพราะเราถือคติว่า “ถ้าหากเรารู้ เราจะตามไปดู”
แต่ถามว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ชื่ออะไร กลัวใจเหมือนกันว่าส่วนใหญ่จะหลุด "สรยุทธ สุทัศนจินดา" ออกมา...
คิดไปคิดมาหลายตลบ ผมก็มาลงเอยที่ข้อสรุปว่า คงจะเป็นความผิดพลาดของครูวิชาสังคมเป็นแน่ที่ผลิตนักเรียนคุณภาพชนิดถอดแบบกันมา ประเภทที่เห็นความสำคัญของละครช่องเจ็ดตอนจบมากกว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปล่อยให้รายการวิทยุไทยมีการพูดถึงหนังอย่างตำนานสมเด็จพระนเศวรมากกว่าเนื้อหาของเศรษฐกิจพอเพียง!
แต่อย่าเพิ่งหมดความหวังกับสังคมไทยครับ เพราะรัฐบาล คมช. หรือย่อมาจาก "คืนอำนาจให้มึง พวกกูก็ชวด (ซิครับ)" ชุดนี้เปี่ยมไปด้วยผู้มีประสบการณ์ ชะรอยว่าถ้าบริหารประเทศได้เข้าตา ก็จะฝากความไว้วางใจให้บริหารกันต่อไปอีกสักสองสามสมัย จะติดก็เรื่องเล็กน้อยอย่างย้ายสภาไปไว้ที่บ้านบางแค เพราะกลัวว่าพวกแกจะลากสังขารณ์กันไม่ไหว
ล่าสุดนี่ก็เห็นว่ามีโครงการใหญ่ เพื่อยกระดับจิตใจและสติปัญญาคนไทย ซึ่งจะมีผลพลอยได้คือแก้ปัญหาภาคใต้ไปในตัว นั่นคือโครงการ“เปิดเพลงปลุกใจเพื่อความเป็นไทย วันละ ๖ เวลา” ที่ทุ่มเทงบประมาณกันแบบน่าดู
ที่ต้องเป็น ๖ เวลา เพราะคนไทยมุสลิมทำละหมาดกันถึงวันละ ๕ ครั้ง การจะเอาชนะใจคนไทย ทั้งพุทธและอิสลามได้นั้น ก็เลยต้องกล่อมเกลากันด้วยเพลงปลุกใจเสือป่า เอ้ย เพลงปลุกความเป็นไทยถึง ๖ ครั้ง คือเพิ่มช่วงเวลาระหว่างที่คนไทยหลับเข้าไปอีกหนึ่งเวลา
นับว่าเป็นนโยบายที่สร้างสรรค์และจรรโลงใจไม่น้อย ต้องขอบคุณท่านนายกฯ กับชาวคณะเอาไว้ล่วงหน้า ที่มีโครงการดีๆ อย่างนี้ให้กับคนไทย
เพราะสื่อไทยสนใจทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงนี้
บ่อยครั้ง เราจึงตกตะลึงกับความร่ำรวยข่าวสารจากต่างประเทศของสื่อไทย ที่ทำให้คนไทยรู้กระทั่งข่าวบางข่าวที่แม้เราคนไทยที่อยู่ในประเทศนั้นๆ เองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
และเป็นเรื่องน่าทึ่งอีกที่คนไทย รู้ทิศทางความผันผวนของดัชนีนิกเคอิและดาวน์โจนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา รู้ว่าลิเวอร์พูลอยู่ที่อันดับไหนของตาราง รวมทั้งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฉนวนกาซาและอิรัก แต่ไม่ยักรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศตัวเอง !
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเราเองก็มีแค่สองตากับสองหูที่ไม่สามารถทำงานแยกกันได้ แถมยังต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อเตรียมตัวไปหลับบนรถเมล์เพราะที่ทำงานอยู่ไกล แล้วไหนจะต้องติดบนรถขากลับอีกสองชั่วโมง เอาเวลาที่เหลือไปดูข่าวสำคัญอย่างข่าวในพระราชสำนักและข่าวบันเทิงก็หมดแล้ว น่าเห็นใจ..
อย่างว่า ดาราคู่ไหนเตียงหัก นางเอกคนไหนคลอดลูกก่อนกำหนด (ถึงจะอุตส่าห์ปลอมตัวไปคลอดในถิ่นทุรกันดารไกลผู้คนแล้ว) ไฮโซคนไหนแอบไปควงกับใครหรือออกวีซีดีลับใหม่เมื่อไหร่ แม้กระทั่ง เมียน้อยใครมีภาพหลุดที่ไหน คนไทยไม่เคยพลาด เพราะเราถือคติว่า “ถ้าหากเรารู้ เราจะตามไปดู”
แต่ถามว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ชื่ออะไร กลัวใจเหมือนกันว่าส่วนใหญ่จะหลุด "สรยุทธ สุทัศนจินดา" ออกมา...
คิดไปคิดมาหลายตลบ ผมก็มาลงเอยที่ข้อสรุปว่า คงจะเป็นความผิดพลาดของครูวิชาสังคมเป็นแน่ที่ผลิตนักเรียนคุณภาพชนิดถอดแบบกันมา ประเภทที่เห็นความสำคัญของละครช่องเจ็ดตอนจบมากกว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปล่อยให้รายการวิทยุไทยมีการพูดถึงหนังอย่างตำนานสมเด็จพระนเศวรมากกว่าเนื้อหาของเศรษฐกิจพอเพียง!
แต่อย่าเพิ่งหมดความหวังกับสังคมไทยครับ เพราะรัฐบาล คมช. หรือย่อมาจาก "คืนอำนาจให้มึง พวกกูก็ชวด (ซิครับ)" ชุดนี้เปี่ยมไปด้วยผู้มีประสบการณ์ ชะรอยว่าถ้าบริหารประเทศได้เข้าตา ก็จะฝากความไว้วางใจให้บริหารกันต่อไปอีกสักสองสามสมัย จะติดก็เรื่องเล็กน้อยอย่างย้ายสภาไปไว้ที่บ้านบางแค เพราะกลัวว่าพวกแกจะลากสังขารณ์กันไม่ไหว
ล่าสุดนี่ก็เห็นว่ามีโครงการใหญ่ เพื่อยกระดับจิตใจและสติปัญญาคนไทย ซึ่งจะมีผลพลอยได้คือแก้ปัญหาภาคใต้ไปในตัว นั่นคือโครงการ“เปิดเพลงปลุกใจเพื่อความเป็นไทย วันละ ๖ เวลา” ที่ทุ่มเทงบประมาณกันแบบน่าดู
ที่ต้องเป็น ๖ เวลา เพราะคนไทยมุสลิมทำละหมาดกันถึงวันละ ๕ ครั้ง การจะเอาชนะใจคนไทย ทั้งพุทธและอิสลามได้นั้น ก็เลยต้องกล่อมเกลากันด้วยเพลงปลุกใจเสือป่า เอ้ย เพลงปลุกความเป็นไทยถึง ๖ ครั้ง คือเพิ่มช่วงเวลาระหว่างที่คนไทยหลับเข้าไปอีกหนึ่งเวลา
นับว่าเป็นนโยบายที่สร้างสรรค์และจรรโลงใจไม่น้อย ต้องขอบคุณท่านนายกฯ กับชาวคณะเอาไว้ล่วงหน้า ที่มีโครงการดีๆ อย่างนี้ให้กับคนไทย
ความคิดเห็น
สักสามในสิบห้าคน อาจจะมีหลุด "สนธิ บุญยรัตกลิน" กันบ้าง
หรืออาจจะมีหนึ่งในยี่สิบสี่คน ที่หลุด "สนธิ ลิ้มทองกุล"
และก็ไม่แปลกถ้าหกในสิบแปดคน จะหลุดว่า "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" หรือ "สุรยุทธ สุทัศนะจินดา"
และอย่าแปลกใจ ถ้ามีคนถามว่า ช้างของพระเนศรวรชื่ออะไร จะมีคนตอบว่า
"ก้านกล้วย"
(มีจริงๆนะ)